วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ต้นหญ้า...พาให้เรียนรู้

สวัสดีผู้อ่านทุกคนครับ ครั้งนี้ผมได้นำข้อมูลบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับตัวของผมนั่นคือบทความเกี่ยวกับการรับรู้และเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพที่สุดในแบบฉบับของผมเองภายใต้ชื่อต้นหญ้าพาให้เรียนรู้ จะเป็นอย่างไรนั่นไปติดตามกันเลยครับ

กำเนิดต้นหญ้า
การเรียนรู้ของมนุษย์เราอาจจะเกิดขึ้นได้หลายเวลาหลากสถานที่ขึ้นอยู่กับโอกาสที่จะเอื้อให้เราได้เรียนรู้สิ่งเหล่านั้น โดยโอกาสที่จะเรียนรู้อาจจะต้องมีเงื่อนไขบางอย่างมาเป็นตัวยับยั้งไม่ให้เกิดการเรียนรู้หรือส่งเสริมให้การเรียนนั้นเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่นเดียวกับทุ่งหญ้าอันแสนกว้างใหญ่ที่ต้องมีปัจจัยหลายๆอย่างทั้งสถานที่ที่เหมาะสม ฤดูกาลที่เหมาะสมและเวลาที่เหมาะสมสิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วเป็นโอกาสของการงอกงามเป็นทุ่งหญ้าอันเขียวขจีได้ แล้วคนเราจะรู้ได้อย่างไรว่าโอกาสของเราที่จะทำให้เกิดการเรียนรู้ที่ดีจะเริ่มต้นที่ใดหรือจะหาโอกาสนั้นได้อย่างไร

หญ้ากำลังโต
การเรียนรู้ของผมเปรียบเสมือนต้นหญ้าในท้องทุ่งที่กำลังงอกงามเจริญเติบโตไปเป็นหญ้าที่สมบูรณ์ ต้องผ่านทั้งแดดลมฝนสารพิษและอีกหลายๆอย่างที่เข้ามาให้พบเจอ ดังนั้นหญ้าก็เป็นปัจจุบันรวมถึงอนาคตของผมที่ยังมีสิ่งที่ต้องพบเจออะไรอีกเยอะแยะมากมาย ทั้งอุปสรรคเข้ามาให้ได้ก้าวข้ามและสิ่งดีๆเข้ามาให้ได้เชยชมโดยที่ไม่รู้เลยว่าระหว่างอุปสรรคกับสิ่งดีๆจะได้ทำความรู้จักกับสิ่งไหนมากกว่ากันและก็ไม่รู้เลยว่าสิ่งเหล่านั้นจะเข้ามาในชีวิตเมื่อไหร่ ก็ได้แต่เตรียมพร้อมรับมือเมื่อมันเข้ามาให้เราเรียนรู้จริงๆ

ปุ๋ยและสารพิษ
ตั้งแต่เกิดมาชีวิตของผมได้เรียนรู้สิ่งต่างๆที่ผ่านมาในชีวิตมากมาย ทั้งการเรียนรู้ที่จะเป็นมนุษย์ตั้งแต่กำเนิด การเรียนรู้ว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคมโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเรียนรู้ในด้านศึกษาซึ่งทั้งหมดนี้ต้องใช้การรับรู้ด้วยประสาทสัมผัสทั้ง 5 คือ ตาดู หูฟัง จมูกดมกลิ่น ลิ้นชิมรส และกายสัมผัส โดยแต่ละเรื่องของการเรียนรู้จะเลือกที่จะใช้แต่ละประสาทสัมผัสให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด เช่นเรื่องการเรียนจะใช้ประสาทตาเพื่อรับความรู้จากการสังเกตและการอ่าน ใช้ประสาทหูเพื่อรับฟังความรู้จากครูผู้สอนเป็นต้น  แต่การรับรู้เหล่านั้นจะไม่เกิดการเรียนรู้ที่ดีได้เลยถ้าขาดปัจจัยอื่นๆเช่น สิ่งแวดล้อม สถานที่หรือเวลาที่มีความเหมาะสม ดังนั้นโอกาสของผมที่จะเรียนรู้ได้ดีคือ ต้องอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ไร้มลพิษในทุกด้านทั้งทางเสียง ทางอากาศหรือทางสายตา เวลาที่เหมาะสมอาจสัมพันธ์กับสถานการณ์ในช่วงนั้น เช่นถ้าใกล้จะสอบจะรับรู้ด้วยการอ่านในเวลากระชั้นชิดเพื่อกดดันตัวเองว่าต้องอ่านให้หมดและทำความเข้าใจให้ได้ แต่โดยทั่วไปแล้วการเรียนรู้ที่ดีของผมจะเกิดขึ้นเวลาที่ร่างกายพร้อมและจิตใจแจ่มใสไม่มีเรื่องกังวนใจ ช่วงเวลากลางคืนค่อนข้างดึกจะดีที่สุดเพราะเวลานี้จะเงียบสงบไม่มีสิ่งรบกวนซึ่งสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมที่ได้กล่าวไปข้างต้น

หญ้าที่งอกงาม

เมื่อได้ทราบโอกาสที่ผมจะเรียนรู้ได้ดีที่สุดแล้วว่ามีหลายๆปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้อง แล้วคุณล่ะทราบหรือไม่ว่าปัจจัยหรือช่วงเวลาใดที่ทำให้การรับรู้ของคุณเกิดการเรียนรู้ได้ดีที่สุด ถ้าทราบแล้วจะทำให้เรารับมือกับสิ่งที่เข้ามามีอิทธิพลต่อการเรียนรู้ที่จะเป็นหญ้าที่งอกงามและทำให้การเรียนรู้นั้นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเป็นต้นหญ้าที่สมบูรณ์แบบและรวมกันเป็นทุ่งหญ้าเขียวขจีในที่สุด 

วันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ต้นสาย...ปลายน้ำ[ของชีวิต]

สายนทีไหลไปไม่สิ้นสุด                 เหมือนมนุษย์มิหยุดการค้นหา

ผ่านชีวิตผ่านเรื่องราวผ่านเวลา           พบน้ำตาเจอความสุขทุกคืนวัน

สวัสดีผู้อ่านทุกคนครับ บทความนี้เป็นบทความแรกของบล็อก ซึ่งจะแนะนำตัวของผม(ผู้เขียน)ให้ผู้อ่านได้รับรู้รับทราบเกี่ยวกับตัวผม ก่อนที่ทุกคนจะติดตามเรื่องราวชีวิตและสาระดีๆที่ผมจะมอบให้ในโอกาสต่อไป ลองมาทำความรู้จักชีวิตของผมผ่านเส้นทางของสายน้ำกันนะครับ

การเดินทางของสายน้ำ
สายน้ำย่อมไหลจากต้นทางคือป่าต้นน้ำสู่ปลายทางเดียวกันคือมหาสมุทรสุดกว้างใหญ่ เช่นเดียวกับชีวิตมนุษย์ซึ่งต้องเกิดจากจุดเริ่มต้นมุ่งสู่จุดหมายของชีวิตที่ตนเองตั้งไว้ แต่ระหว่างการเดินทางของชีวิตก็ต้องเจอกับสิ่งต่างๆทั้งอุปสรรคขวากหนามเจอทั้งความสุขหรือทุกข์ปะปนกันไป ดังเช่นชีวิตของผมแม้จะอยู่ในวัยรุ่นก็ได้พบเจอกับรสชาติของชีวิตมาบ้างพอสมควร เรามาเริ่มติดตามเส้นทางไหลผ่านจาก"ป่าต้นน้ำ"สู่"มหาสมุทร" ของผมกันเลยนะครับ

ป่าต้นน้ำ(แรกเกิด)
ผมชื่อนายณัชพล รอดชูมีชื่อเล่นว่า"แจ้" ชีวิตของผมเริ่มต้นที่"ด้ามขวานแลนด์ แดนสะตอ" อาจฟังดูยากๆแต่พูดง่ายขึ้นมาหน่อยก็คือภาคใต้ของประเทศไทยนั้นเองครับ ผมถือกำเนิดและเติบโตขึ้นที่อำเภอจะนะ จังหวัดดสงขลาเมืองสองทะเล เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ.2536 เป็นลูกชายคนเล็กของครอบครัว ครอบครัวของผมเป็นคนไทยเชื้อสายจีนมีด้วยกัน 4 คน คุณพ่อและคุณแม่ประกอบอาชีพรับราชการครูอยู่ที่บ้านเกิด พี่ชายสุดหล่อของผมประกอบธุรกิจส่วนตัวใกล้บ้าน ส่วนตัวของผมขณะนี้ถูกส่งมาเผชิญชีวิต ณ เมืองหลวงที่แสนวุ่นวายนามกรุงเทพมหานคร เนื่องจากบ้านที่ผมอาศัยอยู่เป็นชุมชนลักษณะชนบทจึงเติบโตมาแบบชีวิตผู้คนชนบท ดังนั้นทำให้วัยเด็กของผมได้พบเจอเรื่องราวที่มีความสุขแบบเด็กชนบท ทำให้ผมได้ซึมซับวัฒนธรรมท้องถิ่นมาพอสมควร รวมถึงครอบครัวจะคอยปลูกฝังให้อนุรักษ์ความเป็นตัวตนของคนใต้โดยเฉพาะด้านภาษาเช่น เมื่อพบเจอคนใต้ด้วยกันก็จะ"แหลงใต้"กันอย่างไม่รู้สึกเคอะเขิน แล้วสายน้ำ ชีวิตของผมก็ไหลเข้าสู่ช่วงต่อไป

                                                                                                                                            ลำธารน้อยๆ(วัยเด็ก)
เช่นเดียวกับชีวิตของเด็กทุกคนที่ต้องได้รับการศึกษาส่วนใหญ่จะเป็นการศึกษาในระบบโรงเรียน ผมได้ย่างเท้าก้าวเข้าสู่โรงเรียนเป็นครั้งแรกในระดับชั้นปฐมวัยที่นั่นคือโรงเรียนสุทธิรักษ์เป็นโรงเรียนเอกชนโรงเรียนเดียวของอำเภอจะนะ วันแรกได้แต่ร้องห่มร้องไห้แทบจะวิ่งตามพ่อแม่กลับบ้านเพราะไม่เคยอยู่ลำพังกับบุคคลอื่นโดยไม่มีพ่อแม่เลย มองย้อนไปก็นึกขำตัวเอง ต่อมาชั้นประถมศึกษาได้ย้ายโรงเรียนมายังโรงเรียนกิตติวิทย์บ้านพรุอยู่ที่อำเภอหาดใหญ่ซึ่งระยะทางระหว่างบ้านกับโรงเรียนประมาณ 30กิโลเมตรเดินทางโดยรถตู้ของโรงเรียน ซึ่งในชีวิตขณะนั้นยังไม่เคยเดินทางไปเรียนไกลขนาดนั้นเลยต้องปรับตัวกันพอสมควรทั้งกิจวัตรประจำวันที่ต้องทำเร็วขึ้นและการเข้าหาสังคมใหม่แต่แล้วก็ผ่านไปได้ด้วยดี จากนั้นมาสู่อีกช่วงหนึ่งที่สำคัญต่อชีวิตคือมัธยมศึกษาโดยผมสอบเข้าศึกษาในโรงเรียนมหาวชิราวุธจังหวัดสงขลา เป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของชีวิตที่ได้เข้ามาศึกษาในโรงเรียนประจำจังหวัด ที่นี่ทำให้ผมได้เรียนรู้การใช้ชีวิตวัยรุ่นตอนต้นในหลากหลายด้านทั้งการเลือกคบคน การหาจุดมุ่งหมายของชีวิตหรือในด้านความรัก(ที่ไม่เคยประสบความสำเร็จ) จากนั้นสายน้ำได้พาผมมาสู่ดินแดนแห่งใหม่

แม่น้ำสายหลัก(มหา'ลัย)
ไม่รู้โชคชะตากลั่นแกล้งหรือลิขิตสวรรค์บันดาลจิตให้สายน้ำแห่งชีวิตผมไหลมาดินแดนที่แปลกใหม่สำหรับตัวเด็กผู้ชายบ้านนอกอย่างผม การได้เข้ามาศึกษาในเมืองหลวงต้องพบเจอเรื่องราวปัญหาจากทั้งสภาพแวดล้อม ผู้คนสังคมและอื่นๆอีกมากมายเกินคำบรรยาย เป็นการปรับตัวที่ยากที่สุดเท่าที่เคยเจอมาในชีวิต แต่ทำให้ผมได้รู้จักการแก้ปัญญาด้วยตัวเองและสามารถเติบโตขึ้นอย่างเข้มแข็งและมั่นคง โดยปัจจุบันผมกำลังศึกษาอยู่ที่สาขาวิชาเทคโนโลยีสื่อสารการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒสถาบันที่จะสร้าง"เด็กเมื่อวานซืน"อย่างผมให้เป็น"ผู้ใหญ่"ที่มีคุณค่าต่อสังคมในอนาคต
สุดท้ายสายน้ำกำลังจะพาผมเผชิญสู่สิ่งที่ยังไม่เคยสัมผัสมาก่อน

มหาสมุทรที่แสนกว้างใหญ่(อนาคต)
ชีวิตต่อจากนี้ของผมเป็นสิ่งที่ไม่มีใครจะรู้ได้แม้กระทั่งตัวผมเอง แต่อาจคาดเดาได้จากอดีตที่ผมเคยผ่านมาหรือปัจจุบันที่ผมกำลังเป็นอยู่ นำไปสู่อนาคตที่ถูกกำหนดไว้อย่างไม่เป็นทางการและสิ่งที่ผมได้ตั้งเป้าหมายไว้คือการบรรจุเข้ารับราชการครูสังกัดสถาบันการศึกษาใกล้บ้านหรือไม่อย่างนั้นอาจจะทำงานที่สอดคล้องกับสิ่งที่เล่าเรียนมา สำคัญที่สุดคือการกลับไปอยู่ใกล้ชิดครอบครัวที่ผมรักอย่างมีความสุข แต่ทุกอย่างเป็นเรื่องของอนาคตรอให้สายน้ำสายนี้พาไปพบเจอสิ่งใหม่ ให้คอยแก้ปัญหาและได้เก็บเกี่ยวความสุขระหว่างเส้นทางที่ผ่าน