วันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

สั้นง่ายได้ใจความ สไตล์ Info Graphic

ความรู้ในโลกใบนี้มีมากมายหลายเรื่อง บางเรื่องก็ง่ายต่อการจดจำและทำความเข้าใจแต่บางเรื่องนี่สิ ต้องใช้เวลาและความพยายามเป็นอย่างมากกว่าจะรับรู้และเข้าใจ ดังนั้นวันนี้ผู้เขียนเสนอรูปแบบหนึ่งของการเผยแพร่ความรู้นั้นก็คือ “Info Graphic(อินโฟกราฟฟิค)”  หลายคนรู้จักกันดีว่ามีหน้าตาเป็นอย่างไรแต่สำหรับบทความนี้ผู้เขียนจะขออธิบายสั้นๆเกี่ยวกับเจ้าอินโฟกราฟฟิคนั้นก็คือข้อมูลที่ผู้จัดทำต้องการจะเผยแพร่โดยจัดทำขึ้นในรูปแบบของการใช้กราฟฟิคซึ่งอาจจะเป็นรูปภาพหรือข้อความ โดยหน้าตาของอินโฟกราฟฟิคจะช่วยดึงดูดความสนใจผู้รับสารและช่วยในการจดจำข้อมูลนั้นๆ ถ้าผู้อ่านยังสงสัยและอยากจะรู้ว่าหน้าตาของอินโฟกราฟฟิคเป็นอย่างไร บทความนี้จะทำให้ผู้อ่านเข้าใจมากขึ้นโดยผู้เขียนจะยกตัวอย่างอินโฟกราฟฟิคที่ผู้เขียนทำขึ้นเองมาให้ดูกัน 

เลือกเนื้อหาและตั้งชื่อเรื่อง
จากตัวอย่างจะมีชื่อว่า “5 ข้อหาจราจรยอดนิยม ซึ่งผู้เขียนได้นำเสนอเรื่องของข้อหาจราจรที่ติดอันดับ1-5ที่มีผู้กระทำความผิดมากที่สุดโดยจะแสดงให้เห็นทั้งข้อหาและเงินค่าปรับ ดังนั้นการเลือกเนื้อหาควรเลือกจากสิ่งที่ผู้จัดทำสนใจและคากว่าจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมดังเช่นเรื่องนี้คือรณรงค์ให้ผู้ขับขี่ยานพาหนะตระหนักถึงการเคารพกฎจราจรนำมาสู่การใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย อีกอย่างข้อมูลที่นำมาทำต้องมาจากแหล่งที่มีความน่าเชื่อถือและตรวจสอบดูแล้วว่ามีความถูกต้อง การตั้งชื่อเรื่องควรตั้งให้มีความน่าสนใจและรับรู้ได้ทันทีว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร เมื่อเราทราบแล้วว่าควรเลือกเนื้อหาและตั้งชื่อเรื่องอย่างไรดีเรามาดูวิธีการทำกันคร่าวๆดีกว่า

ขั้นตอนวิธีการทำ
การทำอินโฟกราฟฟิคของแต่ละคนอาจจะใช้วิธีการแตกต่างกันออกไป สำหรับตัวผู้เขียนเองจะใช้คอมพิวเตอร์ในการทำโดยใช้โปรแกรม “Adobe Illustrator” โดยสิ่งแรกที่ต้องคำนึงคือเราจะเอาขอบเขตของข้อมูลแค่ไหนดีซึ่งควรจะสั้นเข้าใจง่ายและได้ใจความ จากนั้นมาคิดจัดวางองค์ประกอบว่าหน้าตาจะเป็นอย่างไรหาจุดเด่นและความสอดคล้องกันของเนื้อหาควรจะมีภาพประกอบอะไรบ้าง จากตัวอย่างจะเห็นว่าผู้เขียนได้ให้รูปตำรวจเป็นจุดเด่นและเรียงลำดับข้อหาจราจรตามเลข5ตัวใหญ่ โดยแต่ละข้อหาจะมีรูปภาพประกอบเพื่อความน่าสนใจและเข้าใจได้ง่ายขึ้น

ข้อเสนอแนะ
อย่างที่ผู้เขียนได้บอกไปว่าการทำอินโฟกราฟฟิคที่ดีนั้นต้องคำนึงถึงประโยชน์ที่ผู้รับสารจะได้รับจากสิ่งที่เราทำ อาจเป็นเรื่องเล็กๆหรือเกร็ดความรู้ที่จะทำให้เขาเข้าใจได้ง่ายขึ้น ข้อมูลจะต้องถูกต้องมีความสร้างสรรค์เป็นที่ยอมรับของสังคม  สุดท้ายผู้เขียนหวังว่าเมื่อผู้อ่านได้อ่านบทความนี้แล้วจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการเผยแพร่ความรู้ให้ผู้อื่นด้วยวิธีนี้ ถ้าอยากดูตัวอย่างเพิ่มเติมว่าอินโฟกราฟฟิคเขาทำกันอย่างไรบ้างแล้วล่ะก็ ผู้เขียนมีเว็บไซด์ดีๆเกี่ยวกับเรื่องนี้มาฝากนั้นคือ www.facebook.com/infographic.thailand

สำหรับบทความนี้ผู้เขียนต้องขอขอบคุณ พี่สุรเชษฐ์ มีฤทธิ์ ผช.ผอ.ฝ่ายปฎิบัติการ สำนักสื่อและเทคโนโลยีการศึกษา มศว ที่เป็นให้ความรู้เรื่องนี้จากไม่มีความรู้อะไรเลยจนผู้เขียนสามารถทำออกมาได้อย่างสมบูรณ์ตามที่ได้เห็น บทความหน้าจะเป็นเรื่องราวอะไรนั้นโปรดติดตามกันต่อไปนะครับ

วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

รู้แล้วว่า(สื่อ)ดี แต่อยากให้ดีที่สุด

จากบทความที่ผ่านมาเรื่อง สื่อชิ้นนี้ ดีไหมหนอผู้เขียนได้วิเคราะห์ข้อดีและข้อจำกัดของสื่อที่มีชื่อว่าชั้นบรรยากาศไปแล้ว โดยประเด็นที่นำมาวิเคราะห์ส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะทางกายภาพของสื่อเริ่มตั้งแต่ชื่อ วัสดุ อุปกรณ์สำหรับเก็บ การวางตำแหน่งเนื้อหาประกอบ และคู่มือการใช้ ซึ่งมีข้อดีและข้อจำกัดตามที่ผู้อ่านได้รับรู้รับทราบกันไปแล้วนะครับ แต่!!!! ผู้เขียนเพิ่งจะนึกได้ว่าขาดไปอีกหนึ่งประเด็นที่มีส่วนสำคัญกับสื่อการสอนไม่น้อยเลยนั่นก็คือ กิจกรรมประกอบสื่อการสอน
กิจกรรมประกอบสื่อการสอนคือ การนำเทคนิควิธีการมาเพิ่มเติมให้กับสื่อการสอนนั้นเพื่อให้สื่อการสอนนั้นมีกิจกรรมเพิ่มเข้ามา ทำให้ผู้เรียนเกิดความสนใจในการเรียนและสร้างให้สื่อมีความน่าสนใจมาขึ้น โดยผู้เขียนจะนำสื่อชิ้นเดิมมาปรับปรุงโดยการเพิ่มกิจกรรมเล็กน้อยให้กับสื่อ โดยสิ่งที่ปรับปรุงมีดังนี้

ปรับปรุงอย่างไร?


เนื่องจากสื่อการสอนำเรื่องชั้นบรรยากาศชิ้นนี้อาจมีแนวคิดที่จะสร้างขึ้นมาเพื่อให้นักเรียนได้ศึกษาด้วยตนเองซึ่งสำหรับผู้เขียนคิดว่ายังขาดความน่าสนใจในขั้นตอนการเรียนรู้หรือถ้าครูผู้สอนนำมาใช้จะขาดปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูกับนักเรียน ผู้เขียนจึงปรับปรุงโดยการนำวัสดุมาผิดทับชื่อของชั้นบรรยากาศแต่ละชั้นเพื่อให้นักเรียนได้เชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างเนื้อหาด้านข้างมาประกอบกับรูปภาพด้านหน้า แล้วหาคำตอบว่าชั้นบรรยากาศนั้นมีชื่อว่าอะไร ในลักษณะคล้ายกับการถามคำตอบก่อนการเฉลย



ใช้วัสดุอะไร?
วัสดุที่นำมาใช้คือแผ่นฟองน้ำสีเหลือง(ลักษณะคล้ายแผ่นรองเมาส์)ตัดขนาดเท่ากับข้อความที่เป็นชื่อของชั้นบรรยากาศซึ่งมีทั้งหมด5ชั้น จะนำแผ่นฟองน้ำที่ตัดแล้วมาติดด้วยเทปกาวชนิดใส โดยจะติดให้ขอบบนเพื่อให้สามารถเปิดดูชื่อชั้นบรรยากาศในขั้นตอนของการเฉลยได้ เหตุที่เลือกใช้วัสดุนี้คือมีความคงทนแข็งแรงในระดับหนึ่ง และสะดวกต่อการนำมาใช้ปรับปรุง  

คาดว่าจะดีขึ้นไหม?
การปรับปรุงสื่อชิ้นนี้โดยการเพิ่มกิจกรรมคาดว่าจะดีขึ้นในแง่ของความสนใจของผู้เรียนที่มีต่อสื่อ เพิ่มความหลากหลายให้กับการเรียนการสอนเรื่องชั้นบรรยากาศโดยใช้สื่อการสอนชิ้นนี้ เป็นต้น




เสนอแนะอะไรบ้างไหม?
แม้สื่อจะได้รับการเพิ่มเติมแล้วก็ตาม แต่เป็นเพีงส่วนเล็กน้อยดังนั้นสื่อชิ้นนี้อาจจะต้องเพิ่มเติมกิจกรรมที่จะทำให้มีความน่าสนใจมากขึ้นไปอีก และยังมีข้อบกพร่องที่ยังไม่ได้รับการปรับปรุงตามที่บอกไปในบทความที่แล้ว

ดังนั้นถ้าผู้อ่านมีความคิดดีๆที่จะเพิ่มเติมอะไรสามารถบอกมาได้ครับ ผู้เขียนยินดีที่จะนำข้อเสนอแนะเหล่านั้นไปปรับปรุงเพื่อให้สื่อชิ้นนี้บอกมาดีที่สุด และต้องขอขอบคุณผู้ผลิตสื่อดีๆชิ้นนี้มาให้เราได้ศึกษากัน ถ้ามีอะไรผิดพลาดผู้เขียนต้องขออภัยรวมทั้งพร้อมจะรับฟังและแก้ไข บทความหน้าจะเป็นสาระเรื่องราวอะไรติดตามกันต่อไปนะครับ




วันศุกร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2557

สื่อชิ้นนี้ดีไหมหนอ ???

ก่อนการวิเคราะห์และเสนอแนะสื่อการสอนเรามาทำความรู้จักกับคำว่าสื่อการสอนตามความเข้าใจของผมกันก่อนนะครับ สื่อการสอนคือสิ่งรอบๆตัวที่นำมาใช้ประกอบการเรียนการสอนไม่ว่าจะเป็นเทคนิควิธีการของครูผู้สอน วัสดุ อุปกรณ์หรือจะเป็นธรรมชาติที่มีอยู่ทั่วไปสอดคล้องกับเนื้อหาในรายวิชาที่จะสอนเพื่อให้การเรียนการสอนนั้นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นสื่อการสอนจึงมีความสำคัญต่อการเรียนการสอนเป็นอย่างมาก และสื่อที่ผมนำมาวิเคราะห์ในวันนี้อยู่ในวิชาวิทยาศาสตร์ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับชั้นบรรยากาศของโลก เราลองมาวิเคราะห์และเสนอแนะกันครับ

 ชื่อสื่อ ชั้นบรรยากาศ
สื่อการสอนชิ้นนี้มีชื่อว่าชั้นบรรยากาศซึ่งสอดคล้องกับเนื้อหาที่เกี่ยวกับชั้นบรรยากาศของโลกแต่ชื่อของสื่อขาดความน่าสนใจพอที่จะทำให้ผู้เรียนรู้สึกสนใจและตื่นเต้นกับสื่อชิ้นนี้ ดังนั้นควรจะเพิ่มความน่าสนใจให้กับชื่อของสื่อแล้วจะทำให้สื่อชิ้นนี้ที่สนใจตั้งแต่แรกเห็น

วัสดุ ไม้กระดาน
วัสดุหลักที่ใช้เป็นโครงของสื่อชิ้นนี้คือไม้กระดานซึ่งจะมีความแข็งแรงคงตนแต่ข้อเสียคือยากต่อการเคลื่อนย้ายเพราะไม้กระดานมีน้ำหนักมากดังนั้นควรใช้วัสดุอื่นที่มีความแข็งแรงและน้ำหนักเบาความนี้
ส่วนวัสดุอื่นที่ใช้ประกอบและตกแต่งคือกระดาษที่ใช้ทำเป็นบอลลูนเครื่องบินและดาวเทียมหรือสำลีที่ใช้ทำให้เมฆมีความเหมาะสมเพราะน้ำหนักเบาและง่ายต่อการทำ

อุปกรณ์เก็บสื่อ ไม่มี
สื่อชิ้นนี้ไม่มีอุปกรณ์ที่ใช้เก็บเมื่อใช้งานเสร็จดังนั้นจะทำให้อายุการใช้งานสั้นลงเพราะอาจเกิดการกระแทกโดยไม่ตั้งใจ สภาพแวดล้อมเช่นฝุ่นละออง ความชื้นก็มีผลต่ออายุการใช้งานทั้งสิ้น                                    อีกอย่างคือไม่สะดวกต่อการเคลื่อนย้าย ดังนั้นควรทำอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับเก็บเมื่อใช้งานเสร็จ

เนื้อหาประกอบสื่อ มี(ด้านข้าง)

 สื่อชิ้นนี้มีเนื้อหาประกอบอยู่ด้านข้างบอกให้ทราบถึงชื่อของชั้นบรรยากาศของโลก และอธิบายโดยย่อเกี่ยวกับข้อมูลความรู้ของชั้นบรรยากาศแต่ละชั้นโดยเรียงลำดับจากชั้นล่างสุดไปยังชั้นบนสุดซึ่งจะเข้าใจได้ง่ายและไม่สับสนแต่มีข้อจำกัดเรื่องความสวยงามเพราะไม่มีรูปประกอบและพื้นที่การใส่ข้อมูลที่ไม่เพียงพอดังนั้นควรแยกรายละเอียดออกมาเป็นแผ่นผับซึ่งจะทำให้ใส่เนื้อหาความรู้ได้มากขึ้นและสามารถใส่คู่มือคำแนะนำการใช้ได้อีกด้วย



ทั้งหมดที่นำมาวิเคราะห์และเสนอแนะเป็นเพียงความคิดเห็นของผมเพียงคนเดียว ถ้าผู้อ่านที่ข้อคิดเห็นที่แตกต่างกันออกไปลองมาแสดงความคิดเห็นและเสนอแนะกันนะครับ นั่นจะทำให้ให้การทำสื่อชิ้นต่อไปมีคุณภาพและน่าสนใจมากขึ้น “เพราะพื้นที่แห่งนี้คือโลกแห่งการเรียนรู้
สำหรับครั้งนี้ขอบคุณผู้อ่านที่อ่านจนจบ ครั้งต่อไปผมจะมีอะไรมาฝากอีกติดตามกันได้นะครับ






วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ต้นหญ้า...พาให้เรียนรู้

สวัสดีผู้อ่านทุกคนครับ ครั้งนี้ผมได้นำข้อมูลบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับตัวของผมนั่นคือบทความเกี่ยวกับการรับรู้และเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพที่สุดในแบบฉบับของผมเองภายใต้ชื่อต้นหญ้าพาให้เรียนรู้ จะเป็นอย่างไรนั่นไปติดตามกันเลยครับ

กำเนิดต้นหญ้า
การเรียนรู้ของมนุษย์เราอาจจะเกิดขึ้นได้หลายเวลาหลากสถานที่ขึ้นอยู่กับโอกาสที่จะเอื้อให้เราได้เรียนรู้สิ่งเหล่านั้น โดยโอกาสที่จะเรียนรู้อาจจะต้องมีเงื่อนไขบางอย่างมาเป็นตัวยับยั้งไม่ให้เกิดการเรียนรู้หรือส่งเสริมให้การเรียนนั้นเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่นเดียวกับทุ่งหญ้าอันแสนกว้างใหญ่ที่ต้องมีปัจจัยหลายๆอย่างทั้งสถานที่ที่เหมาะสม ฤดูกาลที่เหมาะสมและเวลาที่เหมาะสมสิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วเป็นโอกาสของการงอกงามเป็นทุ่งหญ้าอันเขียวขจีได้ แล้วคนเราจะรู้ได้อย่างไรว่าโอกาสของเราที่จะทำให้เกิดการเรียนรู้ที่ดีจะเริ่มต้นที่ใดหรือจะหาโอกาสนั้นได้อย่างไร

หญ้ากำลังโต
การเรียนรู้ของผมเปรียบเสมือนต้นหญ้าในท้องทุ่งที่กำลังงอกงามเจริญเติบโตไปเป็นหญ้าที่สมบูรณ์ ต้องผ่านทั้งแดดลมฝนสารพิษและอีกหลายๆอย่างที่เข้ามาให้พบเจอ ดังนั้นหญ้าก็เป็นปัจจุบันรวมถึงอนาคตของผมที่ยังมีสิ่งที่ต้องพบเจออะไรอีกเยอะแยะมากมาย ทั้งอุปสรรคเข้ามาให้ได้ก้าวข้ามและสิ่งดีๆเข้ามาให้ได้เชยชมโดยที่ไม่รู้เลยว่าระหว่างอุปสรรคกับสิ่งดีๆจะได้ทำความรู้จักกับสิ่งไหนมากกว่ากันและก็ไม่รู้เลยว่าสิ่งเหล่านั้นจะเข้ามาในชีวิตเมื่อไหร่ ก็ได้แต่เตรียมพร้อมรับมือเมื่อมันเข้ามาให้เราเรียนรู้จริงๆ

ปุ๋ยและสารพิษ
ตั้งแต่เกิดมาชีวิตของผมได้เรียนรู้สิ่งต่างๆที่ผ่านมาในชีวิตมากมาย ทั้งการเรียนรู้ที่จะเป็นมนุษย์ตั้งแต่กำเนิด การเรียนรู้ว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคมโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเรียนรู้ในด้านศึกษาซึ่งทั้งหมดนี้ต้องใช้การรับรู้ด้วยประสาทสัมผัสทั้ง 5 คือ ตาดู หูฟัง จมูกดมกลิ่น ลิ้นชิมรส และกายสัมผัส โดยแต่ละเรื่องของการเรียนรู้จะเลือกที่จะใช้แต่ละประสาทสัมผัสให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด เช่นเรื่องการเรียนจะใช้ประสาทตาเพื่อรับความรู้จากการสังเกตและการอ่าน ใช้ประสาทหูเพื่อรับฟังความรู้จากครูผู้สอนเป็นต้น  แต่การรับรู้เหล่านั้นจะไม่เกิดการเรียนรู้ที่ดีได้เลยถ้าขาดปัจจัยอื่นๆเช่น สิ่งแวดล้อม สถานที่หรือเวลาที่มีความเหมาะสม ดังนั้นโอกาสของผมที่จะเรียนรู้ได้ดีคือ ต้องอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ไร้มลพิษในทุกด้านทั้งทางเสียง ทางอากาศหรือทางสายตา เวลาที่เหมาะสมอาจสัมพันธ์กับสถานการณ์ในช่วงนั้น เช่นถ้าใกล้จะสอบจะรับรู้ด้วยการอ่านในเวลากระชั้นชิดเพื่อกดดันตัวเองว่าต้องอ่านให้หมดและทำความเข้าใจให้ได้ แต่โดยทั่วไปแล้วการเรียนรู้ที่ดีของผมจะเกิดขึ้นเวลาที่ร่างกายพร้อมและจิตใจแจ่มใสไม่มีเรื่องกังวนใจ ช่วงเวลากลางคืนค่อนข้างดึกจะดีที่สุดเพราะเวลานี้จะเงียบสงบไม่มีสิ่งรบกวนซึ่งสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมที่ได้กล่าวไปข้างต้น

หญ้าที่งอกงาม

เมื่อได้ทราบโอกาสที่ผมจะเรียนรู้ได้ดีที่สุดแล้วว่ามีหลายๆปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้อง แล้วคุณล่ะทราบหรือไม่ว่าปัจจัยหรือช่วงเวลาใดที่ทำให้การรับรู้ของคุณเกิดการเรียนรู้ได้ดีที่สุด ถ้าทราบแล้วจะทำให้เรารับมือกับสิ่งที่เข้ามามีอิทธิพลต่อการเรียนรู้ที่จะเป็นหญ้าที่งอกงามและทำให้การเรียนรู้นั้นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเป็นต้นหญ้าที่สมบูรณ์แบบและรวมกันเป็นทุ่งหญ้าเขียวขจีในที่สุด 

วันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ต้นสาย...ปลายน้ำ[ของชีวิต]

สายนทีไหลไปไม่สิ้นสุด                 เหมือนมนุษย์มิหยุดการค้นหา

ผ่านชีวิตผ่านเรื่องราวผ่านเวลา           พบน้ำตาเจอความสุขทุกคืนวัน

สวัสดีผู้อ่านทุกคนครับ บทความนี้เป็นบทความแรกของบล็อก ซึ่งจะแนะนำตัวของผม(ผู้เขียน)ให้ผู้อ่านได้รับรู้รับทราบเกี่ยวกับตัวผม ก่อนที่ทุกคนจะติดตามเรื่องราวชีวิตและสาระดีๆที่ผมจะมอบให้ในโอกาสต่อไป ลองมาทำความรู้จักชีวิตของผมผ่านเส้นทางของสายน้ำกันนะครับ

การเดินทางของสายน้ำ
สายน้ำย่อมไหลจากต้นทางคือป่าต้นน้ำสู่ปลายทางเดียวกันคือมหาสมุทรสุดกว้างใหญ่ เช่นเดียวกับชีวิตมนุษย์ซึ่งต้องเกิดจากจุดเริ่มต้นมุ่งสู่จุดหมายของชีวิตที่ตนเองตั้งไว้ แต่ระหว่างการเดินทางของชีวิตก็ต้องเจอกับสิ่งต่างๆทั้งอุปสรรคขวากหนามเจอทั้งความสุขหรือทุกข์ปะปนกันไป ดังเช่นชีวิตของผมแม้จะอยู่ในวัยรุ่นก็ได้พบเจอกับรสชาติของชีวิตมาบ้างพอสมควร เรามาเริ่มติดตามเส้นทางไหลผ่านจาก"ป่าต้นน้ำ"สู่"มหาสมุทร" ของผมกันเลยนะครับ

ป่าต้นน้ำ(แรกเกิด)
ผมชื่อนายณัชพล รอดชูมีชื่อเล่นว่า"แจ้" ชีวิตของผมเริ่มต้นที่"ด้ามขวานแลนด์ แดนสะตอ" อาจฟังดูยากๆแต่พูดง่ายขึ้นมาหน่อยก็คือภาคใต้ของประเทศไทยนั้นเองครับ ผมถือกำเนิดและเติบโตขึ้นที่อำเภอจะนะ จังหวัดดสงขลาเมืองสองทะเล เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ.2536 เป็นลูกชายคนเล็กของครอบครัว ครอบครัวของผมเป็นคนไทยเชื้อสายจีนมีด้วยกัน 4 คน คุณพ่อและคุณแม่ประกอบอาชีพรับราชการครูอยู่ที่บ้านเกิด พี่ชายสุดหล่อของผมประกอบธุรกิจส่วนตัวใกล้บ้าน ส่วนตัวของผมขณะนี้ถูกส่งมาเผชิญชีวิต ณ เมืองหลวงที่แสนวุ่นวายนามกรุงเทพมหานคร เนื่องจากบ้านที่ผมอาศัยอยู่เป็นชุมชนลักษณะชนบทจึงเติบโตมาแบบชีวิตผู้คนชนบท ดังนั้นทำให้วัยเด็กของผมได้พบเจอเรื่องราวที่มีความสุขแบบเด็กชนบท ทำให้ผมได้ซึมซับวัฒนธรรมท้องถิ่นมาพอสมควร รวมถึงครอบครัวจะคอยปลูกฝังให้อนุรักษ์ความเป็นตัวตนของคนใต้โดยเฉพาะด้านภาษาเช่น เมื่อพบเจอคนใต้ด้วยกันก็จะ"แหลงใต้"กันอย่างไม่รู้สึกเคอะเขิน แล้วสายน้ำ ชีวิตของผมก็ไหลเข้าสู่ช่วงต่อไป

                                                                                                                                            ลำธารน้อยๆ(วัยเด็ก)
เช่นเดียวกับชีวิตของเด็กทุกคนที่ต้องได้รับการศึกษาส่วนใหญ่จะเป็นการศึกษาในระบบโรงเรียน ผมได้ย่างเท้าก้าวเข้าสู่โรงเรียนเป็นครั้งแรกในระดับชั้นปฐมวัยที่นั่นคือโรงเรียนสุทธิรักษ์เป็นโรงเรียนเอกชนโรงเรียนเดียวของอำเภอจะนะ วันแรกได้แต่ร้องห่มร้องไห้แทบจะวิ่งตามพ่อแม่กลับบ้านเพราะไม่เคยอยู่ลำพังกับบุคคลอื่นโดยไม่มีพ่อแม่เลย มองย้อนไปก็นึกขำตัวเอง ต่อมาชั้นประถมศึกษาได้ย้ายโรงเรียนมายังโรงเรียนกิตติวิทย์บ้านพรุอยู่ที่อำเภอหาดใหญ่ซึ่งระยะทางระหว่างบ้านกับโรงเรียนประมาณ 30กิโลเมตรเดินทางโดยรถตู้ของโรงเรียน ซึ่งในชีวิตขณะนั้นยังไม่เคยเดินทางไปเรียนไกลขนาดนั้นเลยต้องปรับตัวกันพอสมควรทั้งกิจวัตรประจำวันที่ต้องทำเร็วขึ้นและการเข้าหาสังคมใหม่แต่แล้วก็ผ่านไปได้ด้วยดี จากนั้นมาสู่อีกช่วงหนึ่งที่สำคัญต่อชีวิตคือมัธยมศึกษาโดยผมสอบเข้าศึกษาในโรงเรียนมหาวชิราวุธจังหวัดสงขลา เป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของชีวิตที่ได้เข้ามาศึกษาในโรงเรียนประจำจังหวัด ที่นี่ทำให้ผมได้เรียนรู้การใช้ชีวิตวัยรุ่นตอนต้นในหลากหลายด้านทั้งการเลือกคบคน การหาจุดมุ่งหมายของชีวิตหรือในด้านความรัก(ที่ไม่เคยประสบความสำเร็จ) จากนั้นสายน้ำได้พาผมมาสู่ดินแดนแห่งใหม่

แม่น้ำสายหลัก(มหา'ลัย)
ไม่รู้โชคชะตากลั่นแกล้งหรือลิขิตสวรรค์บันดาลจิตให้สายน้ำแห่งชีวิตผมไหลมาดินแดนที่แปลกใหม่สำหรับตัวเด็กผู้ชายบ้านนอกอย่างผม การได้เข้ามาศึกษาในเมืองหลวงต้องพบเจอเรื่องราวปัญหาจากทั้งสภาพแวดล้อม ผู้คนสังคมและอื่นๆอีกมากมายเกินคำบรรยาย เป็นการปรับตัวที่ยากที่สุดเท่าที่เคยเจอมาในชีวิต แต่ทำให้ผมได้รู้จักการแก้ปัญญาด้วยตัวเองและสามารถเติบโตขึ้นอย่างเข้มแข็งและมั่นคง โดยปัจจุบันผมกำลังศึกษาอยู่ที่สาขาวิชาเทคโนโลยีสื่อสารการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒสถาบันที่จะสร้าง"เด็กเมื่อวานซืน"อย่างผมให้เป็น"ผู้ใหญ่"ที่มีคุณค่าต่อสังคมในอนาคต
สุดท้ายสายน้ำกำลังจะพาผมเผชิญสู่สิ่งที่ยังไม่เคยสัมผัสมาก่อน

มหาสมุทรที่แสนกว้างใหญ่(อนาคต)
ชีวิตต่อจากนี้ของผมเป็นสิ่งที่ไม่มีใครจะรู้ได้แม้กระทั่งตัวผมเอง แต่อาจคาดเดาได้จากอดีตที่ผมเคยผ่านมาหรือปัจจุบันที่ผมกำลังเป็นอยู่ นำไปสู่อนาคตที่ถูกกำหนดไว้อย่างไม่เป็นทางการและสิ่งที่ผมได้ตั้งเป้าหมายไว้คือการบรรจุเข้ารับราชการครูสังกัดสถาบันการศึกษาใกล้บ้านหรือไม่อย่างนั้นอาจจะทำงานที่สอดคล้องกับสิ่งที่เล่าเรียนมา สำคัญที่สุดคือการกลับไปอยู่ใกล้ชิดครอบครัวที่ผมรักอย่างมีความสุข แต่ทุกอย่างเป็นเรื่องของอนาคตรอให้สายน้ำสายนี้พาไปพบเจอสิ่งใหม่ ให้คอยแก้ปัญหาและได้เก็บเกี่ยวความสุขระหว่างเส้นทางที่ผ่าน